Learning log week 7
(ในห้องเรียน)
ประโยคในภาษาอังกฤษมีหลายชนิดให้เราได้ศึกษาเรียนรู้และสามารถนำมาใช้ได้ในการเรียนของเราซึ่งประโยคแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันทั้งโครงสร้างและหลักการใช้
ซึ่งจากการเรียนรู้ในห้องเรียนครั้งนี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับ Conditional
sentences หรือ if-clause คือ ประโยคเงื่อนไข
ประกอบด้วยอนุประโยค สองประโยค ประโยคหนึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า If กับอีกประโยคหนึ่งเหมือนประโยคสมบูรณ์ทั่วไป และ
อนุประโยคสองประโยคนี้สลับที่กันได้ จะยกประโยคไหนขึ้นต้นก็ได้
แล้วแต่การเน้นและความหมาย ซึ่งมีด้วยกัน 3 แบบดังนี้
แบบที่ 1 แสดงความเป็นไปได้สูงหรือที่เป็นจริงเสมอ ถ้าต้องการกล่าวถึงเงื่อนไขต่างๆในปัจจุบันที่เป็นไปได้สูงหรือที่เป็นจริงเสมอ
เราจะใช้ ในรูปดังต่อไปนี้
If + present tense verb, …. Will / may/ can + V. เช่น If he asks me, I will go with him.
ถ้าเขาขอฉัน ฉันจะไปกับเขา, If you don’t study hard,
you can’t pass the exams. ถ้าเธอไม่ศึกษาอย่างหนัก เธอไม่สามารถสอบผ่าน, If the lighting appears, there follows the thunder.ถ้าฟ้าแล่บ ก็จะมีฟ้าร้องตามมาเสมอ, If it rains, the streets are flooded ถ้าฝนตก น้ำก็จะท่วมถนนเป็นประจำ ,If we freeze water, it will change into ice. ถ้าเราทำให้น้ำถึงจุดเยือกแข็ง
น้ำก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งเสมอ
แบบที่ 2 เป็นการสมมติหรือจินตนาการให้บางสิ่งเกิด
ถ้าเราต้องการกล่าวถึงเงื่อนไขต่างๆในปัจจุบันที่เป็นการสมมติหรือจินตนาการให้บางสิ่งเกิดขึ้น
เราจะใช้ ในรูปดังต่อไปนี้ if + past tense verb , …would/might
/ could + V. เช่น If Einstein were alive,
he would agree with me. ถ้าไอนสไตนยังมีชีวิตอยู่
เขาก็คงเห็นด้วยกับผม, If I were bird, I could
fly.ถ้าผมเป็นนก ผมก็คงบินได้, If I were him,
I would invest in emerging market. ถ้าผมเป็นเขา
ผมก็คงลงทุนในตลาดเกิดใหม่,
If the earth had 2
moons, the night sky would be so exotic.ถ้าโลกมีดวงจันทร์
2 ดวง ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็คงจะประหลาดล้ำ, If she were/was here,
I would propose.ถ้าหล่อนมาอยู่ที่นี่นะ
ผมก็จะขอหล่อนแต่งงาน
แบบที่ 3 เป็นการสมมติให้เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
ถ้าเราต้องการกล่าวถึงเงื่อนไขต่างๆที่เป็นการสมมติให้เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
เราจะใช้ ในรูปดังต่อไปนี้ if + past perfect, …would + have + past
participle เช่น If I had known that
movie was fun, I would have watched it.ถ้าผมรู้ว่าหนังเรื่องนั้นสนุก ผมก็น่าจะได้ดูมัน
If I had set my
alarm clock, I could have woken up early.ถ้าผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ผมก็คงตื่นเช้า ,If I had
got some advice, I might have bought that stock.ถ้าผมได้รับคำแนะนำ ผมก็คงซื้อหุ้นตัวนั้นไว้
การใช้ if-sentence ในข้อ 3 นี้
เราสามารถเอา had มาวางไว้หน้าประโยคและตัด if ออกได้ดังนี้
Had I known that
movie was fun, I would have watched it. ถ้าผมรู้ว่าหนังเรื่องนั้นสนุก ผมก็น่าจะได้ดูมัน
จากการศึกษาประโยค If clause สามารถสรุปตามความเข้าใจได้ดังนี้ ถ้าเงื่อนไขของสถานการณ์นั้นเป็นจริงเสมอ ก็มักใช้กับ แบบที่ 1 เช่น If it rains,
the streets are flooded.ถ้าฝนตก
น้ำก็จะท่วมถนนเป็นประจำ ในขณะเดียวกัน ถ้าเงื่อนไขของสถานการณ์นั้นเป็นการสมมติที่เหนือธรรมชาติ ใช้กับ แบบที่ 2 เช่น If I were bird,
I could fly. ถ้าผมเป็นนก ผมก็คงบินได้ ส่วนการใช้
if-sentence แบบที่ 3 ซึ่งเป็นการกล่าวถึงเงื่อนไขต่างๆที่เป็นการสมมติ
ให้เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นนั้น เช่น If I had gotten some advice, I might have bought that stock.ถ้าผมได้รับคำแนะนำ ผมก็คงซื้อหุ้นตัวนั้นไว้ หากเราเข้าใจวิธีการใช้ if clause ได้อย่างชัดเจนเราก้อจะรู้ว่าประโยคที่ถูกนำมาเขียนนั้นเป็นประโยคที่ เป็นไปได้หรือประโยคไหนที่เป็นไปไม่ได้ตามรูปแบบต่างๆ
ให้เหตุการณ์ในอดีตที่ไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นนั้น เช่น If I had gotten some advice, I might have bought that stock.ถ้าผมได้รับคำแนะนำ ผมก็คงซื้อหุ้นตัวนั้นไว้ หากเราเข้าใจวิธีการใช้ if clause ได้อย่างชัดเจนเราก้อจะรู้ว่าประโยคที่ถูกนำมาเขียนนั้นเป็นประโยคที่ เป็นไปได้หรือประโยคไหนที่เป็นไปไม่ได้ตามรูปแบบต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น