Learning log
Week 2
จากการศึกษาภายในชั้นเรียนดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับ KWL ซึ่งเป็นการประเมินตนเอง Metacognition และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนการสอน 2 ปี
ที่ผ่านมา
และหลักในการเรียนภาษาที่ดีควรเป็นอย่างไรและการศึกษานอกชั้นเรียน
ได้อ่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
กลยุทธ์ในการเรียนภาษาที่จะนำมาใช้ในการเรียนของตนเองเพื่อที่จะเป็นแนวทางและนำไปปฏิบัติ
ในการศึกษาของเรานั้นจะต้องบอกตัวเองให้ได้ว่าตัวเรามี KWL แล้วหรือยังเพื่อที่จะเป็นการประเมินตนเองว่าตัวเรารู้หรือไม่รู้เรื่องใด
K = What
you know รู้อะไร
W = What
you want to
know
ต้องการรู้อะไร
L = What
you have to
learn
จะเรียนอะไร
และได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจในการสอนของอาจารย์ในหลักสูตร
ปรากฏว่าเพื่อนๆส่วนใหญ่ชอบวิธีการสอนในบรรยากาศที่ไม่ตึงเครียดมีความสนุกสนาน
อาจารย์ไม่ได้แค่เพียงเนื้อหาในหนังสือเท่านั้นแต่ยังสอดแทรกวิธีการคิดและการดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วย และได้มีการสำรวจตัวเองเกี่ยวกับความรู้ของตัวเองตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ว่าเราได้รับความรู้อะไรบ้างปรากฏว่าทั้งเพื่อนๆและตัวดิฉันมีความรู้เพิ่มเติมกันไม่มากก็น้อยไม่ว่าจะเป็นทักษะทางการฟัง พูด
อ่าน เขียน
ในการเรียนภาษาที่ดีได้นั้นจะต้องมีหลักการที่จะช่วยทำให้เราเรียนภาษาได้ดีขึ้นมีอยู่ 2
ทางด้วยกัน คือ 1. ผู้ส่งสารส่งสารไปแล้วผู้รับสารสามารถตอบกลับได้ แสดงว่าผู้รับสารรู้เรื่องเข้าใจ 2. ส่งสารไปแล้วผู้รับสารไม่มีการตอบกลับถือเป็นถือเป็นการส่งสารทางเดียว
ผู้ส่งสารไม่สามารถรู้ได้ว่าสารเข้าใจหรือไม่ซึ่งสิ่งที่จะช่วยทำให้ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารสื่อสารกันได้รู้เรื่องจะต้องมีกลยุทธ์ในการเรียนรู้ ภาษาเป็นแนวทางให้กับเรา
กลยุทธ์การเรียนภาษา เขียนโดย
รศ.ดร. สมศีล ฌานวังศะ
กล่าวไว้ว่า “การเรียนภาษาแตกต่างจากการเรียนวิชาอื่นๆเป็นส่วนใหญ่ ตรงที่ว่าต้องมีสองด้านควบคู่กันไป คือ
ความรู้และทักษะ
ความรู้เป็นภาคทฤษฎี
ส่วนทักษะ(หรือความชำนาญที่เกิดจากการฝึกฝน) เป็นภาคปฏิบัติ
การเรียนแต่ภาคทฤษฎีโดยไม่ฝึกปฏิบัติย่อมไม่อาจทำให้บรรลุเป้าหมายคือสามารถใช้ภาษาได้”
การเรียนภาษาให้ได้ดีต้องเริ่มต้นจากตัวผู้เรียนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดซึ่งถ้าผู้เรียนจะเรียนให้ได้ดีนั้นต้องมีกลยุทธ์ในการเรียนภาษาดังนี้ 1. ศึกษา
การเรียนภาษาจะต้องเริ่มจากความรู้เกี่ยวกับตัวภาษาก่อนโดยตรงเสมอเปรียบเสมือนเสหลักมีอยู่สองด้น คือ
ศัพท์ กับไวยากรณ์ นอกจากตัวภาษาแล้วยังมีอีกสองด้าน คือ
ความรู้พื้นฐานของธรรมชาติของภาษา
กับความรู้เกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของชนชาติเจ้าของภาษา 2. ฝึกฝน จำต้องผ่านอินทรีย์ ทั้ง 6
ด้าน คือ ตา-ดู
, หู-ฟัง, ปาก-พูด ,มือ-เขียน, หัว-คิด ใ,จ-รัก 3.
สังเกต
ภาษาอังกฤษมีเนื้อหามาก
ผู้เรียนจึงต้องเป็นคนช่างสังเกตละเอียดรอบคอบ 4. จดจำ
การเรียนภาษาแค่การฝึกฝนอย่างเดียวไม่พอแต่ต้องอาศัยการท่องจำด้วยเพื่อให้เกิดผล 5. เลียนแบบ 6. ดัดแปลง
เมื่อเลียนแบบก็ต้องรู้จักดัดแปลงให้เข้ากับเหตุการณ์และวัตถุประสงค์ 7. วิเคราะห์
การวิเคราะห์มี 3 ระดับ 1)
ระดับศัพท์ 2)
ระดับไวยากรณ์ 3)
ระดับถ้อยความ
8.
ค้นคว้า 9. ใช้งาน
จากสิ่งที่ได้เรียนรู้มา 10.
ปรับปรุง
เป็นการพัฒนาการใช้ภาษาและความก้าวหน้าในการใช้ภาษานั้นๆ
สรุปได้ว่าถ้าเราจะเรียนภาษาได้ดีนั้นเราจะต้องประเมินตัวเองก่อนว่าเรามีความรู้หรือไม่รู้ในเรื่องนั้นๆมากน้อยเพียงใดและมีหลักในการเรียนภาษาที่ดี คือ
ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารจะสามารถโต้ตอบและสื่อสารกันเข้าใจและสิ่งที่ช่วยให้เราเรียนภาษาได้ดียิ่งขึ้นนั้นต้องมีกลวิธีในการเรียนภาษา 10 องค์ประกอบด้วยกัน ได้แก่
1. ศึกษา 2.
ฝึกฝน 3. สังเกต 4. จดจำ 5.
เลียนแบบ
6. ดัดแปลง 7.
วิเคราะห์ 8. ค้นคว้า 9.
ใช้งาน 10. ปรับปรุง
หากผู้เรียนภาษาสามารถปฏิบัติตามกลวิธีในการเรียนภาษาได้ก็จะเป็นการพัฒนาตนเองในการเรียนภาษาได้ดียิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น