วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558


Learning log week 8
(ในห้องเรียน)
Noun Clause คือ อนุประโยค (Subordinate clause) ประเภทหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นคำนาม (noun) ในประโยค ซึ่งในการสนทนาพูดคุย ติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวันเราอาจจะใช้ Noun clause แต่เรามักไม่รู้ตัวว่าเรากำลังใช้ Noun clause อยู่ ซี่ง Noun clause มักจะปรากฏทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน Noun clause สามารถปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่คำนามปรากฏได้ทุกตำแหน่ง คือ เป็นประธาน (Subject) และกรรม (object) 
หน้าที่และตำแหน่งของ noun clause สามารถมีตำแหน่งอยู่หน้าประโยคหรือหน้ากริยาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค (Subject noun clause), มีตำแหน่งอยู่หลังกริยา ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object noun clause), มีตำแหน่งอยู่หลังบุรพบท ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุรพบท (Object of preposition) และมีตำแหน่งอยู่หลัง V.to be ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายประธาน (Subject complement)
หน้าที่แรกเป็นประธานอยู่หน้าประโยค (Subject)   โดยปกติแล้ว คำนามหรืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคมักจะปรากฏอยู่หน้ากริยาหรือหน้าประโยค ตัวอย่างเช่น  What Big John ought to do now is concentrating on working. สิ่งที่บิ๊ก จอห์นควรจะทำตอนนี้ก็คือตั้งใจทำงานWhat they should do during meditating is keeping silent.สิ่งที่พวกเขาควรจะทำในระหว่างที่ปฏิบัติธรรมนั่นคือการรักษาความสงบ/ ไม่ส่งเสียงดังWhat he said drives her angry. สิ่งที่เขาพูดทำให้หล่อนโกรธ
หน้าที่ถัดไปเป็นกรรมของกริยา (Subject of verb) ตำแหน่งอยู่หลังกริยา เช่น I suggest you that you should go to a movie with me tonight. ผมแนะนำว่าคุณควรจะไปดูหนังกับผมคืนนี้, I don’t understand what you all are talking about.  ผมไม่เข้าว่าพวกคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่,  If you know what is best for you, you should keep doing it.  ถ้าคุณรู้ว่าสิ่งไหนที่ดีกับตัวคุณ คุณควรจะทำหรือสานต่อมันไป
หน้าที่ที่สามเป็นกรรมของบุรพบท (Object of preposition) 
เช่น Big John knows all along about what is best for him. บิ๊ก จอห์นรู้มาโดยตลอดเกี่ยวกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาคืออะไร, I thank you so much for what you gave to me all along. ผมขอบคุณมากๆสำหรับสิ่งที่คุณหยิบยื่นให้ผมมาโดยตลอด,  Sam knows all along about what he wants the most in his lifeแซมรู้มาโดยตลอดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในชีวิตของเขา
หน้าที่ที่สี่เป็นส่วนขยายประธาน (Subject complement) 
เช่น She is who he wants the most in his life.  เธอคือสิ่งที่เขาต้องการที่สุดในชีวิต,  Practicing meditation is what makes your mind pure, tranquil and stable.การฝึกสมาธิคือสิ่งที่ทำให้จิตของคุณสะอาด สงบ มั่นคงแน่วแน่ไม่วอกแวก  The stability of life is what Big John wants the most in his life.
ความมั่นคงในชีวิตคือสิ่งที่บิ๊ก จอห์นต้องการที่สุด    
Noun clause ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมนั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ ประเภทแรกคือ that
การใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "That"   ใช้ตามหลังกริยา (Verb) บางตัวที่แสดงความรู้สึก ความคิด หรือ ความคิดเห็น เช่น think, feel, remember, know, suggest, believe, forget, realize, think, doubt, hope, recognize, understand, agree ตัวอย่างเช่น  We think that we’ve got to go nowพวกเราคิดว่าพวกเราจะต้องไปแล้วล่ะตอนนี้Big John knows all along that his mum loves him so much.บิ๊ก จอห์นรู้มาโดยตลอดว่าแม่รักเขามากๆ
ถ้าเป็นภาษาพูด เรามักจะละคำว่า that ซึ่งเป็น relative pronoun หรือคำขึ้นที่ขึ้นต้นอนุประโยค (clause) เช่น  He thinks that he should give up talking now. (Formal, written language)
 He thinks he should give up talking now. (Informal, spoken language) เขาคิดว่าเขาควรจะหยุดพูดเสียทีตอนนี้ ส่วนใหญ่กริยา (verb) ที่ปรากฏอยู่ใน main clause มักจะเป็น Present Simple Tense ธรรมดาส่วนกริยา (Verb) ใน noun clause จะเป็น tense อะไรก็ได้ เช่น I think (that) Big John is writing his column now.  ผมคิดว่าบิ๊ก จอห์นกำลังเขียนคอลัมน์ของเขาอยู่ตอนนี้ 
ประเภทที่สอง Wh - word การใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
Wh-Words (what, where, when, why,who, how)  Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Indirect wh-questions และแม้ว่า noun clause เหล่านี้จะขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม แต่ลำดับคำ (word order) ในอนุประโยคนี้ จะเป็นลำดับคำของประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ลำดับคำของประโยคคำถาม เช่น I can’t tell you where he lives nowผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน I don’t know why he comes here very often.ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่บ่อยนัก     Big John attempts to keep finding who he is nowadays.ทุกวันนี้ บิ๊ก จอห์นพยายามที่จะค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ
การใช้เครื่องหมายวรรคตอนของประโยคจะเป็นไปตามลักษณะของ main clause กล่าวคือ ถ้า main clause เป็นคำถามจะใช้เครื่องหมาย question mark ปิดประโยค ถ้า main clause เป็นบอกเล่า จะใช้เครื่องหมาย full stop ปิดประโยค เช่น  Could you tell me where Big John works so far? คุณบอกผมจะได้ไหมครับว่าบิ๊ก จอห์นทำงานที่ไหนทุกวันนี้,  I know why she loves me. ผมรู้ว่าทำไมคุณถึงรักฉัน

ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Wordเพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า เราไม่รู้ หรือเราไม่แน่ใจ เช่น I don’t know how much it takes from here to there.  ผมไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลาเดินทางจากที่นี่ไปที่นั่นเท่าไหร่Big John can’t estimate how much his mum loves him. บิ๊ก จอห์นไม่สามารถจะประมาณได้ว่าแม่รักเขามากแค่ไหน I can’t fix how much time you take to do this project.ผมไม่สามารถไปกำหนดว่าคุณจะใช้เวลามากเท่าไหร่ในการทำโครงการนี้
ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อถามหาข้อมูลอย่างสุภาพ เช่น Could you tell me where Big John is at the moment? คุณจะบอกผมได้ไหมว่าบิ๊ก จอห์นอยู่ที่ไหนในขณะนี้Can you tell me what time it is now? บอกผมได้ไหมว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
ประเภทสุดท้ายคือ If / whether การใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย If หรือ WhetheNoun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether คือ indirect yes/no questions เช่น Direct Question: Did they pass the exam? Indirect Question: I don’t know if they passed the exam. การลำดับคำในประโยค (word order) และเครื่องหมายจบประโยค ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ Noun Clausที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
               จะขึ้นต้น Noun Clause ด้วยคำว่า if หรือ whether ก็ได้ แต่มักใช้ whether ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นทางการ เช่น Sir, I would like to know whether you prefer coffee or tea. Tell me if you want to go with us or not. If he passed an exam I don’t know. Whether she is a student is not clear. ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อ main clause แสดงการใช้ความคิด หรือความคิดคำนึง เช่น I can’t remember if I had already paid him. I wonder whether he will arrive in time.ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อต้องการถามคำถามอย่างสุภาพ เช่น   Do you know if the principal is in his office. Can you tell me whether the tickets include drinks?
                ดังนั้น การใช้ Noun Clause ก็เหมือนกับการใช้คำนามสามารถวางในตำแหน่งเดียวกับ คำนามได้ และ Noun Clause มีหน้าที่ เป็นได้ทั้ง ประธานและ กรรมในตำแหน่งต่างๆในประโยคและ Noun Clause มีการใช้คำนำหน้าด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ that , wh- word, if /whether ซึ่งแต่ละคำสามารถสามารถเป็นได้ทั้งประธานและกรรมในแต่ละประโยค หากเรามีความเข้าใจในเรื่อง Noun Clause เราก็สามารถนำไปใช้กับงานแปลของเราได้อย่างดี เพราะเราจะรู้ว่าประโยคแต่ละประโยคนั้นถูกละคำไปเราก็จะไม่สับสน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น