วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Learning log week 7
(นอกห้องเรียน)

ถ้าเราต้องการที่จะฟังชาวต่างชาติได้อย่างรู้เรื่องและเข้าใจมีวิธีการต่างๆมากมายที่เราจะสามารถฝึกฝนตนเองได้หนึ่งในวิธีการเหล่านั้นคือการดูหนัง ซึ่งเป็นหนังที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะสามารถให้ฝึกฝนทักษะการฟังของเราได้ ซึ่งหนังที่ดิฉันได้เลือกดูคือ มาเลฟิเซนต์ กำเนิดนางฟ้าปีศาจ Maleficent เป็นภาพยนตร์แนวจินตนิมิตด้านมืดและแนวผจญภัย กำกับโดย Robert Stromberg  ซึ่งมีตัวละครหลักดังนี้ มาเลฟิเซนต์: ออโรรา สเตฟาน เฮนรี กษัตริย์เมืองมนุษย์ นางลีลาเลย์ลา พระมเหสีพระเจ้าสเตฟาน และฟิลลิป เดียวัล นางฟ้าทั้งสาม ซึ่งมีเนื่อเรื่องดังนี้
ดินแดนกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์นาๆพันธ์ ซึ่งดินแดนนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองแผ่นดินด้วยกัน นั่นก็คือ ดินแดนของมนุษย์ที่มีกษัตริย์ที่โลภมากและคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่กว่าส่งอื่นใดปกครองอยู่ และอีกดินแดนหนึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนต์ มีสรรพสิ่งมากมายที่และเป็นเมืองที่มีความสวยงามซึ่งดินแดนนี้ปราศจากมนุษย์ และทุกสรรพสิ่งในดินแดนแห่งนี้ล้วนมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือสัตว์ในเทพนิยายต่างๆซึ่งมีเทพที่คอยปกครองก็คือ มาลิฟิเซนต์ ดินแดนแห่งนี้คือ เมืองมัวส์
                วันหนึ่งมาลิฟิเซนต์ได้วิ่งเล่นอยู่ในเมืองมัวส์ และมีนางฟ้าบินมาอย่างตกใจและมาบอกกับมาลิฟิเซนต์ว่ามีมนุษ์ได้บุกรุกเข้ามาในเขตมัวส์เด็กผู้ชายคนนั้นคือสเตฟาน มาลิฟิเซนต์ได้ยินเช่นนั้นจึงได้รีบได้ดูอย่างรวดเร็วและได้พบว่ามีมนุษย์ได้บุกรุกเข้ามาขโมยหินชนิดหนึ่งไป นางจึงได้คุยกับเด็กหนุ่มคนนั้นว่า เอาของที่ขโมยไปคืนมา และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ได้คืนหินให้กับมลิฟิเซนต์และนางก็ได้โยนหินก้อนนั้นลงน้ำไป และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน ก่อนที่สเตฟานจะออกจากเมืองมัวส์เขาได้จับมือกับมาลิฟิเซนต์แต่นางก็ต้องสะบัดมือออกจากเขาทันทีเพราะเขาสวมแหวนที่เป็นโลหะซึ่งโลหะนั้นจะแผดเผานางฟ้า เขาจึงตัดสินใจโยนแหวนนั้นทิ้งเพื่อที่จะได้สัมผัสมือกับนาง
เตฟานเด็กหนุ่มผู้มีความน่ารักอ่อนโยนต่อมาลิฟิเซนต์ ทั้งสองได้รู้จักและเล่นด้วยกันมาตลอดจนเริ่มที่จะมีความรู้สึกดีๆต่อกันและเมื่อมาลิฟิเซนต์  มีอายุครบ 16 ปี สเตฟาน ได้มาหามาลิฟิเซนต์ในวันนั้น และเขาได้มอบรอยจูบให้กับเธอในวันที่อายุครบ 16 ปี หลังจากนั้นสเตฟานก็ไม่เคยกลับมาเมืองมัวส์อีกเลยนางเฝ้ารอเขามาตลอดเวลา
ต่อมา พระเจ้าเฮนรี กษัตริย์เมืองมนุษย์ ยกกำลังพลมาตีเมืองมัวส์ แต่ทรงแพ้แก่มาเลฟิเซนต์ จึงทรงกริ้วโกรธมาก มีรับสั่งว่า ผู้ใดตามล้างผลาญนางเพื่อแก้แค้นแทนพระองค์ได้ จะให้ผู้นั้นสืบบัลลังก์และจะยกทุกอย่างให้เท่าที่บุคคลนั้นต้องการ ในขณะนั้นสเตฟานได้เข้าไปรับใช้พระเจ้า เฮนรีอยู่เมือได้ยินเช่นนั้นจึงคิดการใหญ่ในทันที ในคืนนั้นสเตฟานได้กลับไปหามาลิฟิเซนต์อีกครั้ง แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรในตัวสเตฟาน
สเตฟานได้วางยานาง แต่หักใจปลิดชีวิตนางไม่ลง เขาจึงใช้เหล็กอันเป็นวัตถุมีอำนาจสังหารเทพธิดาตัดปีกนางออก แล้วนำกลับมาให้ พระเจ้าเฮนรีเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า เขาได้ฆ่านางแล้ว มาเลฟิเซนต์ตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่แหลกลาญและโกรธแค้นสเตฟาน จากนั้นนางจึงได้สร้างกำแพงลวดหนามเพื่อป้องกันการบุกรุกจากมนุษย์ นางโศกเศร้าเสียใจมาก วันหนึ่งนางได้เห็นนกตัวหนึ่งที่กำลังจะถูกมนุษย์ตีนางจึงเสกให้นกตัวนั้นกลายเป็นคนจนรอดจากน้ำมือของมนุษย์ และนางได้นำนกตัวนั้นมาเลี้ยงดู ซึ่งมีชื่อว่าเดียวัล
จากนั้นนางจึงให้เดียวัลเข้าสอดแนมในเมืองมนุษย์ และวันนั้นเองที่สเตฟานได้ขึ้นแท่นบัลลังก์เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองมนุษย์และได้แต่งงานกับลูกสาวของพระเจ้าเฮนรีด้วย หลังจากนั้นไม่นาสเตฟานได้มีลูกสาวหนึ่งคน คือ ออโรล่า สเตฟานได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวของเขาอย่างใหญ่โตได้เชิญแขกทั่วเมืองมาร่วมแสดงความยินดี และหนึ่งในนั้นก็มีเหล่านางฟ้าทั้งสามได้มาร่วมแสดงความยินดีด้วย
และเพื่อเป็นการแก้แค้นสเตฟาน มาเลฟิเซนต์จึงบุกไปงานสมโภชโดยมิได้รับเชิญ แล้วสาปพระกุมารีให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีในวันที่มีอายุครบ 16 ปี และบรรทมไปตลอดกาล พระเจ้าสเตฟานทรงขอให้นางปรานี นางจึงบอกว่า คำสาปนี้แก้ได้ด้วยจุมพิตแห่งรักแท้ แล้วก็จากไป พระเจ้าสเตฟานทรงเกรงมาเลฟิเซนต์จะเคียดแค้นพระองค์ยิ่งนัก จึงรับสั่งให้ริบเครื่องปั่นฝ้ายทั้งหมดไปทิ้งในห้องใต้ปราสาท แล้วให้นางฟ้าสามองค์นำพระธิดาไปกักเก็บไว้ในป่าจนกว่าจะลุอายุครบ 16 ปี กับหนึ่งวันและให้นำ ออโรล่ากลับเข้าเมืองอีกครั้ง
   นางฟ้าสามทั้งสามนั้นสะเพร่า มิได้เอาใจใส่พระธิดาตามสมควร มาเลฟิเซนต์จึงได้มาคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แม้เดิมจะจงเกลียดจงชังมากก็ตาม ในวันที่ ออโรล่ามีอายุครบ 15 ปี ก็ได้ไปพบมาเลฟิเซนต์ และได้พูดคุยกับมาลิฟิเซนต์ และออโรล่าก็รู้สึกเสมือนว่า มาเลฟิเซนต์เฝ้าคุ้มครองป้องกันตนเองเสมอมา จึงเชื่อว่า มาเลฟิเซนต์เป็น "แม่ทูนหัว" (godmother) ของเธอ มาเลฟิเซนต์เองเมื่อให้ออโรล่าอยู่กับตนนานเข้า นางก็ยิ่งรักและเอ็นดูออโรล่ามากยิ่งขึ้น  นางจึงพยายามถอนคำสาปให้ แต่ไร้ผล
ภายหลัง ออโรราพบเจ้าชายรูปงามพระนามว่า ฟิลลิป ที่กำลังไปวังพระเจ้าสเตฟาน ทั้งสองมีใจให้กันในบัดดล เจ้าชายฟิลลิปทรงให้คำมั่นว่าจะกลับมาหาออโรราให้จงได้ ต่อมาเมื่อออโรล่าอายุครบ 16  ออโรรายังอยากที่จะอยู่กับมาเลฟิเซนต์นางจึงได้ตัดสินใจที่จะไปขอนางฟ้าทั้งสามว่าจะมาอยู่กับมาลิฟิเซนต์ มาเลฟิเซนต์เองก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น ทว่า นางฟ้าทั้งสามไม่หลุดปากพูดเสียก่อนว่า เป็นมาเลฟิเซนต์เป็นคนที่สาปออโรรามาแต่พระเยาว์ ออโรราได้ฟังแล้วก็ใจสลาย และได้หนีมาเลฟิเซนต์คืนสู่วังพระบิดา
พระเจ้าสเตฟานทรงขังออโรราไว้ในวังจนกว่าจะพ้นวันเกิดไปอีกหนึ่งวัน แต่ด้วยพลังแห่งคำสาป ออโรราก็ไปพบเครื่องปั้นฝ้ายที่ริบไว้แต่เดิม และถูกเข็มตำนิ้ว คำสาปเป็นอันบรรลุผล มาเลฟิเซนต์เสียใจที่ไม่อาจปกป้องเธอได้ จึงลอบพาเจ้าชายฟิลลิปมาเข้ามาในวัง หวังใจว่า ที่เจ้าชายเจ้าหญิงได้พบกันในป่า ก็อาจช่วยให้บังเกิดรักแท้มาแก้คำสาปได้ เจ้าชายฟิลลิปทรงบรรจงจุมพิตออโรรา แต่ว่าไม่เป็นผล มาเลฟิเซนต์ก็เสียใจหนัก จึงปวารณาจะพิทักษ์รักษาพระธิดาจากเภทภัยทั้งหลายจนกว่าจะฟื้น กล่าวแล้วก็จุมพิตด้วยความรัก ฉับพลัน ออโรล่าก็ตืนขึ้นมา
มาเลฟิเซนต์จึงเข้าใจว่า รักใดในโลกนี้ก็ไม่จริงแท้เท่ารักที่แม่มีให้ลูก พระธิดาทรงเรียกขานมาเลฟิเซนต์ว่า "แม่ทูนหัว" ด้วยทรงซาบซึ้งถึงความรักประหนึ่งมารดาที่มาเลฟิเซนต์มีให้ และทรงอภัยมาเลฟิเซนต์ในทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว  พระธิดายังอยากที่จะกลับไปอยู่กับมาเลฟิเซนต์ในเมืองมัวส์ มาเลฟิเซนต์จึงพานางหนี แต่พระเจ้าสเตฟานเสด็จมาขวางและทรงใช้ข่ายเหล็กจับมาเลฟิเซนต์ไว้ได้ แล้วทหารของพระองค์พร้อมด้วยอาวุธทำด้วยเหล็กกล้าเตรียมฆ่านาง มาเลฟิเซนต์ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายจำแลงนกกาดีอาวัลเป็นมังกรเพื่อช่วยให้นางกับออโรล่าหนีไป
ในขที่มาเลฟิเซนต์กำลังจะถูกประหารนั้นเอง ออโรราถอดปีกของมาเลฟิเซนต์ที่ถูกขังไว้ออกมา มาเลฟิเซนต์จึงได้ฟื้นฤทธานุภาพเหมือนเดิมและเอาชนะพระเจ้าสเตฟานได้ มาเลฟิเซนต์ละเว้นพระชนม์โดยขอให้เลิกรากันเท่านี้ ก่อนที่นางจะพาออโรราบินจากไป แต่ พระเจ้าสเตฟานไม่ทรงยอมแพ้ ทรงโผนไปเกาะมาเลฟิเซนต์ไว้ มาเลฟิเซนต์ทรงตัวไว้ได้ แต่พระเจ้าสเตฟานนั้นทรงพลัดตกลงสู่เบื้องล่างถึงแก่พระชนมชีพ
จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการแก้แค้นนั้นไม่มีวันสิ้นสุดนอกเสียจากความตายนั้นจะมาพรากไปจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และการที่เราได้ดูหนังเพื่อเป็นการฝึกทักษะด้านการฟังอย่างหนึ่งแล้วจากภาพที่เราดูนั้นเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยน้ำมือของมนุษย์ และบางสิ่งบางอย่างก็สร้างขึ้นจากจินตนาการที่ในโลกนี้ไม่เคยมีมาก่อน การดูหนังนั้นสามารถที่จะช่วยพัฒนาทักษะการฟังของเราได้อย่างแน่นอนหากเราดูและนำมาใช้ปรับปรุงกับตนเองก็จะเกิดประโยชน์อย่างมาก




Learning log week 7
โครงสร้าง passive voice ทั้ง 12  tense
1.             Present simple tense
Active: S + V1  =Susan  opens the  window.
Passive: S + is, am, are + V3 + by…  =  The window is opened by Susan.     
2.             Present continuous tense
Active: S + is, am, are V. ing  = Susan is opening  the  window.
Passive: S + is, am, are + being + V3 + by…  =  The window is being opened by Susan.
3.             Present perfect tense
Active: S + has\ have + V= Susan has opened  the  window.
Passive: S + has\ have + been + V3 + by…  =  The window has been opened by Susan.
4.             Present perfect continuous tense
Active: S + has\ have + been + V. ing  = Susan has been opening  the  window.
Passive: S + has\ have + been + being + V3 + by…  =  The window has been being opened by Susan.
5.             Past simple tense
Active: S + V.= Susan opened  the  window.
Passive: S + was \ were + V3 + by…  =  The window was opened by Susan.
6.             Past continuous tense
Active: S + was \ were +V. ing   = Susan was opening  the  window.
Passive: S + was \ were + being + V3 + by…  =  The window was being opened by Susan.
7.             Past perfect tense
Active: S + had + V.3   = Susan has opened  the  window.
Passive: S + had been + V3 + by…  =  The window had been opened by Susan.
8.             Past perfect continuous tense
Active: S + had been + V. ing   = Susan had been opening  the  window.
Passive: S + had been + being + V3 + by…  =  The window had been being opened by Susan.                       
9.             Future simple tense
Active: S + will + V.1   = Susan will open  the  window.
Passive: S + will + be + V3 + by…  =  The window will be opened by Susan.
10.      Future continuous tense
Active: S + will + be + V. ing   = Susan will be opening  the  window.
Passive: S + will + be + being + V3 + by…  =  The window will be being opened by Susan.
11.      Future perfect tense
Active: S + will +  have + been + V.3   = Susan will have  been opened  the  window.
Passive: S + will +have + been + V3 + by…  =  The window will have been  opened by Susan.
12.      Future perfect continuous tense
Active: S + will +  have + been + V.ing  = Susan will have  been opening  the  window.
Passive: S + will +have + been + being + V3 + by…  =  The window will have been being  opened by              
   Susan.









                                                                                                                                                








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น