วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log week 12

Learning log  week 12
(นอกห้องเรียน)
ในวันที่  22 ตุลาคม 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังซึ่งเป็นทักษะเกี่ยวกับการฟังเพลง ซึ่งการฟังเพลงนอกจากจะได้ทั้งความสนุกแล้วยังได้ฝึกเกี่ยวกับการเรียนรู้คำศัพท์ และการอ่านออกเสียงของคำศัพท์นั้นๆซึ่งสามารถนำมาฝึกออกเสียงคำศัพท์ที่ถูกต้องได้จากเพลงและเป็นการเพิ่มคลังคำศัพท์ให้แก่ตัวเราเอง  ซึ่งเพลงที่ได้ยกมาเพื่อศึกษาเป็นพิเศษสองเพลงคือเพลง Let her go ร้องโดย Passenger และอีกเพลงคือเพลง Blank space ร้องโดย Taylor Swift
ทั้งสองเพลงที่เลือกมาจากการฟังครั้งแรกโดยที่ไม่มีเนื้อเพลงประกอบฟังไม่ค่อยออกว่าคำแต่ลำคำเป็นคำอะไรและเริ่มฟังครั้งที่สองและมีเนื้อเพลงประกอบก็ได้รู้ว่ามีคำศัพท์ใดบ้างและหลังจากที่ฟังเรื่อยๆก็ฝึกออกเสียงโดยการร้องเพลงตามไปด้วย ซึ่งการทำแบบนี้นอกจากจะได้เรียนรู้แล้วยังได้เพิ่มเพลงใหม่ด้วย ซึ่งมีเนื้อเพลงดังนี้

เพลง Let her go

*Well you only need the light when it’s burning low
คุณต้องการแสงสว่าง ก็ต่อเมื่อไฟเริ่มมอดลง
Only miss the sun when it starts to snow
จะคิดถึงดวงอาทิตย์ ก็ต่อเมื่อหิมะเริ่มโปรย
Only know you love her when you let her go
คุณจะรู้ว่าคุณรักเธอ ก็ตอนที่คุณเสียเธอไป
*Only know you’ve been high when you’re feeling low
รู้ว่าคุณเคยอยู่สูงแค่ใหน เมื่อตอนที่คุณรู้สึกตกต่ำ
Only hate the road when you’re missin’ home
รู้สึกเกลียดถนน เมื่อคุณกำลังจะจากบ้านไป
Only know you love her when you let her go
คุณจะรู้ว่าคุณรักเธอ ก็ตอนที่คุณเสียเธอไป
And you let her go
และคุณก็เสียเธอไป
Staring at the bottom of your glass
จ้องมองไปที่ก้นแก้วของคุณ
Hoping one day you’ll make a dream last
หวังว่าสักวัน คุณจะทำความฝันของคุณให้เป็นจริง
But dreams come slow and they go so fast
แต่ความฝันนั้น มันช่างช้าเหลือเกิน และมันก็จากเขาไปไวเห
ลือเกิน
You see her when you close your eyes
คุณมองเห็นเธอ เมื่อยามที่คุณหลับตาลง
Maybe one day you’ll understand why
สักวันคุณอาจจะเข้าใจว่าทำไม
Everything you touch surely dies
ทุกๆสิ่งที่คุณสัมผัส แน่นอนสักวันต้องจากไป
*But you only need the light when it’s burning low
คุณจะรู้ว่าคุณต้องการแสงสว่าง ก็ต่อเมื่อไฟเริ่มมอดลง
*Only miss the sun when it starts to snow
จะคิดถึงดวงอาทิตย์ ก็ต่อเมื่อหิมะเริ่มโปรย
Only know you love her when you let her go
คุณจะรู้ว่าคุณรักเธ
อ ก็ตอนที่คุณเสียเธอไป
Staring at the ceiling in the dark
จ้องมองเพดานในความมืดมิด
Same old empty feeling in your heart
และก็หวนถึงความรู้สึกว่างเปล่าเดิมๆ ที่อยู่ในใจคุณ
‘Cause love comes slow and it goes so fast
เพราะว่าความรักนั้นช่างมาช้า และจากไปเร็วเสียเหลือเกิน
Well you see her when you fall asleep
คุณจะพบเธอ เมื่อตอนที่คุณหลับไหล
But never to touch and never to keep
แต่ไม่มีวันที่คุณจะสัมผัส และรักษาเธอไว้ได้อีก
‘Cause you loved her too much
เพราะว่าคุณนั้นรักเธอมากไป
And you dived too deep
และคุณจมอยู่กับมันมากเกินไป
And you let her go (oh, oh, ooh, oh no)
และคุณก็ปล่อยเธอไป (โอ โอ โอ้ โอ โน)
And you let her go (oh, oh, ooh, oh no)
และคุณก็ปล่อยเธอไป (โอ โอ โอ้ โอ โน)
Will you let her go?
คุณจะยอมเสียเธอไปมั้ย?
‘Cause you only need the light when it’s burning low
เพราะว่าคุณต้องการแสงสว่าง ก็ต่อเมื่อไฟเริ่มมอดลง
Only miss the sun when it starts to snow
คิดถึงดวงอาทิตย์ เมื่อหิมะเริ่มโปรย
Only know you love her when you let her go
คุณจะรู้ว่าคุณรักเธอ ก็ตอนที่คุณเสียเธอไป
เพลงที่สองเป็นเพลงทีผู้หญิงร้องเป็นเพลงแนวสนุกสนานน่าฟังเพลิดเพลินและในเพลงก็มีคำศัพท์ใหม่ๆให้เรียนรู้ ซึ่งมีเนื้อเพลงดังนี้

เพลง Blank space

Nice to meet you Where you been?
ยินดีที่ได้รู้จักนะ ไปยังไงมายังไงล่ะ

I could show you incredible things
ฉันสามารถแสดงให้เธอเห็น สิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ

Magic, madness, heaven, sin
ทั้งมนตรา, ความบ้าคลั่ง, สรวงสวรรค์, ขุมนรก

Saw you there and I thought
พอเห็นเธอที่นั่น ฉันก็คิดว่า

oh my god, Look at that face, you look like my next mistake
โอ้..พระเจ้า มองดูที่หน้าเธอแล้ว เธอดูเหมือนกับความผิดพลาดครั้งใหม่

Love’s a game, wanna play?
ความรักก็เหมือนกับเกมส์ อยากลองเล่นไม๊?
New money, suit and tie
ไฮโซหน้าใหม่ แต่งตัวใส่สูทผูกไทค์

I can read you like a magazine
ฉันอ่านใจเธอออกเหมือนกับอ่านนิตยสาร

Ain’t it funny rumors fly
มันตลกดีใช่ไม๊ล้ะ กับข่าวลือที่แพร่ออกไป

And I know you heard about me
และฉันรู้ว่าเธอเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตัวฉัน

So hey, let’s be friends
งั้นก็มาเถอะ มาเป็นเพื่อนกัน

I’m dying to see how this one ends
ฉันแทบจะรอดูไม่ไหวแล้ว ว่าความสัมพันธ์นี้จะจบลงอย่างไร

Grab your passport and my hand
หยิบหนังสือเดินทางของเธอและจูงมือฉันเอาไว้

I could make the bad guys good for a weekend
ฉันสามารถทำให้ผู้ชายเสเพล ทำตัวดีขึ้นได้ในช่วงสุดสัปดาห์
****So it’s gonna be forever
ซึ่งครั้งนี้มันจะยั่งยืนหรือเปล่า

Or it’s gonna go down in flames
หรือ มันจะจมลงสู่เปลวเพลิงกันนะ

You can tell me when it’s over
เธอสามารถบอกกับฉันได้ เมื่อมันยุติลง

If the high was worth the pain
ถ้าผลลัพธ์ที่ได้ มันคุ้มค่ากับความเจ็บปวด

Got a long list of ex-lovers
มีลิสต์รายชื่อของคนรักเก่าที่ยาวเหยียด

They’ll tell you I’m insane
พวกเขาจะบอกเธอว่า ฉันเป็นคนไร้เหตุผล

Cause you know I love the players
เธอรู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันชอบนักพนัน

And you love the game
และเธอเองก็ชอบเดิมพันกับเกมส์นั้น

*****Cause we’re young and we’re reckless
เพราะพวกเรายังอ่อนเยาว์และไม่ระวังให้ดี

We’ll take this way too far
พวกเราจึงเดินตามเส้นทางนี้มาไกลเกินไป

It’ll leave you breathless
ซึ่งมันจะปล่อยเธอไว้แบบไร้ลมหายใจ

Or with a nasty scar
หรือไม่ก็ด้วยบาดแผลเป็นที่ไม่อาจลบได้

Got a long list of ex-lovers
มีลิสต์รายชื่อของคนรักเก่าที่ยาวเหยียด

They’ll tell you I’m insane
พวกเขาจะบอกเธอว่า ฉันเป็นคนไร้เหตุผล

But I got a blank space baby
แต่ฉันพอจะมีที่ว่างเหลือนะ ที่รัก

And I’ll write your name
และฉันจะเพิ่มชื่อเธอลงไป

*Cherry lips Crystal skies
ริมฝีปากสีแดงดั่งลูกเชอร์รี่ ท้องฟ้าสดใสดั่งคริสตัล

I could show you incredible things
ฉันสามารถแสดงให้เธอเห็น สิ่งอัศจรรย์ต่าง ๆ
Stolen kisses, pretty lies
อย่างการขโมยจุมพิต กับการโป้ปดที่แสนหวาน

You’re the king baby I’m your queen
เธอคือราชา และฉันก็เป็นราชินีของเธอนะ ที่รัก

Find out what you want
ได้รู้ว่าเธอต้องการอะไร
Be that girl for a month
และเป็นผู้หญิงแบบที่เธอต้องการซักหนึ่งเดือน

But the worst is yet to come
แต่สิ่งเลวร้ายจริง ๆ ยังมาไม่ถึงนะ
Oh no
โอ้ ไม่

*Screaming, crying, perfect storms
เสียงกรีดร้อง คร่ำครวญ พายุโหมกระหน่ำ

I could make all the tables turn
ฉันสามารถที่จะล้มโต๊ะทั้งหมดได้

Rose garden filled with thorns
สวนกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามแหลม

Keep you second guessing like
ให้เธอต้องเดาเป็นครั้งที่สองว่า..

oh my god Who is she?
โอ้ พระเจ้า เธอคนนั้นเป็นใครกัน?

I get drunk on jealousy
ฉันดื่มและเมามายกับความริษยา

But you’ll come back each time you leave
แต่เธอก็จะกลับมา ทุกครั้งที่เธอจากไป

Cause darling I’m a nightmare dressed like a daydream
นั่นเพราะว่า ฉันคือฝันร้าย ที่แสร้งสร้างวิมานในอากาศกับเธอไงล่ะ ที่รัก
*Boys only want love if it’s torture
หนุ่มๆโหยหาความรัก แม้ว่ามันจะทรมาน

Don’t say I didn’t say I didn’t warn you
อย่าบอกนะ ว่าฉันไม่ได้พูดเตือนสติคุณก่อน

Boys only want love if it’s torture
หนุ่มๆโหยหาความรัก แม้ว่ามันจะทรมาน

Don’t say I didn’t say I didn’t warn you
อย่าบอกนะ ว่าฉันไม่ได้พูดเตือนสติคุณก่อน
Vocabulary in song Burning ที่ถูเผาผลาญ, Staring , dived การพุ่ง, incredible ซึงไม่น่าเชื่อ, madness ความวิกลจริต, sin บาป, mistake ความผิด, tie เน็คไทด์, rumors ข่าวลือ, ex-lovers, insane ซึ่งขาดสติ, reckless สะเพร่า, breathless หายใจลำบาก, nasty สิ่งที่น่ารังเกียจ, scar แผลเป็น, space ที่ว่าง, Crystal คริสต์ตัล, Screaming กรีดร้อง, jealousy ความอิจฉาริษยา, nightmare ฝันร้าย, torture การทรมาน

ดังการการฝึกทักษะการฟังเพลงนั้นเป็นการฝึกภาษาที่ดีอย่างหนึ่งของเราเพราะไม่ได้ให้แค่ความสนุกสนานแต่หากเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้เข้ากับการเรียนรู้ได้อย่างดีแค่การฟังเพลงก็จะช่วยพัฒนาทักษะการการและการพูดของเราได้โดยการปฏิบัติข้างต้นที่ได้กล่าวมาแล้วคือการฝึกเป็นลำดับ หากเราสามารถที่จะฟังเพลงได้เข้าใจแล้รู้เรื่องหากเราจำเป็นต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติเราก็สามารถสื่อสารกับเขาได้อย่างไม่ต้องอาย














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น